Latest News

วันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2561

สะพรึง!! ตำนานอาถรรพ์สยอง การสร้างสะพานไทยลาวทับถ้ำ “พญานาค” ที่ต้องสังเวยชีวิตไปนับไม่ถ้วน! (คลิป)

loading...




เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญของภาคตะวันเฉียงเหนือเลยก็ว่าได้ สำหรับ “สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 2” ที่ เชื่อมต่อจังหวัดมุกดาหารของประเทศไทย เข้ากับแขวงสุวรรณเขตของประเทศลาว  เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขง ที่สร้างความสะดวกสบายในการสัญจรไปมาระหว่างกันได้เลย โดยสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 2 ได้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2547 แต่เรื่องราวความหลอนก็เริ่มต้นขึ้นเช่นกัน เมื่อระหว่างการก่อสร้างนั้นได้เกิดเรื่องสยองมากมาย จนกลายเป็นตำนานความเชื่อที่ชาวบ้านแถวนั้นร่ำลือถึง “ความอาถรรพ์” !!


โดยการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 2 นี้ มีกระแสข่าวว่าจะสร้างนานแล้วก็จริง แต่เพิ่งจะลงตัวเรื่องพื้นที่ที่จะสร้าง เริ่มต้นสร้างจริงๆในปี 2543 และสะพานเปิดให้สาธารณะใช้เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2549  ในระหว่างก่อสร้างได้เกิดอุบัติเหตุจากเครื่องเครนที่ทำให้ ที่ปรึกษา วิศวกรและคนงานเสียชีวิต 9 คน (ชาวไทย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และลาว) บาดเจ็บ 10 คน (ชาวไทย ญี่ปุ่น และลาว) และหายสาบสูญ 1 คน (ชาวลาว) เมื่อ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2548


และการเริ่มต้นก่อสร้างก็ได้พบว่า “มีลางร้ายทำลายขวัญคนงาน” จนใครก็ต้องขนหัวลุก “เมื่อมีคนไปผูกคอตายใน Office ที่เพิ่งสร้างใหม่ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มใช้ ”  การผูกคอตายนี้ไม่มีใครทราบสาเหตุแน่ชัด จนทำให้พนักงานที่จะต้องมาใช้ Office หวาดกลัวกันมาก จนทำให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบต้องตัดสินใจ สั่งทำการรื้อถอน Office ทั้งหมด แล้วเอาเหล็กกระเบื้องและวัสดุที่เกี่ยวกับการสร้าง Officeใหม่ แต่นำหลังนี้ไปบริจาคถวายให้กับวัดของกระผมแทน จากนั้นทางบริษัทผู้รับเหมา ก็ได้สั่งอุปกรณ์ก่อสร้างเข้ามาใหม่ เพื่อสร้าง Office ในพื้นที่ตำแหน่งเดิม หลังจากนั้นอีก 4-5 เดือน


หลังจากนั้นก็มี “ลางร้ายครั้งที่ 2” อีกครั้ง “เมื่อคนงานก่อสร้างที่กำลังสร้างสะพานอยู่นั้น ได้ตกนั่งร้านตาย”  และต่อมาไม่นานก็ได้เกิด “ลางร้ายครั้งที่ 3”  เกิดการตายขึ้น “หลังคนงานที่ออกไปทำงานสร้างเสาที่กลางลำน้ำ รู้สึกร้อนอยากล้างหน้า จึงได้ก้มลงไปตักน้ำจากลำน้ำโขงมาล้างหน้า  แต่ตกน้ำตายอีกคน” นับว่าเป็นเรื่องราวน่ากลัวชวนสยองไม่น้อย เพียงเริ่มต้นสร้างสะพานไม่นาน


แต่ความหลอนกลับไม่หมดเพียงเท่านั้น เมื่อจู่ๆเหตุการณ์แปลกๆผิดสังเกตระหว่างการก่อสร้าง จนทำให้คนงานเริ่มเกิดความกลัว “เมื่อการสร้างเสาเข็มต้นที่ 11 ของสะพาน” ที่อยู่บริเวณกลางลำน้ำโขงมีปัญหามากกว่าจุดอื่น คือ “ตั้งแต่เริ่มทำการตอกเสาเข็มต้นนี้  ตอกยังไงก็ตอกไม่ลง”  แม้ใช้สว่านนำร่องขุดเจาะก็เจาะไม่ลง จนทำให้วิศวกรกุมขมับต้องใช้ความพยายามทุกรูปแบบ เพื่อดันทุรังเจาะต่อให้ได้ จนหัวสว่านหัก วิศวกรจึงตัดสินไปจ้างนักประดาน้ำให้ดำลงไปดูเพื่อจะเอาหัวเจาะขึ้นมา


แต่ “นักประดาน้ำ” ที่ลงไปเอาหัวเจาะขึ้นมานั้นต้องตกใจสุดชีวิต ระหว่างที่เค้าได้ดำน้ำลงไปได้พบกับ “สิ่งสยอง” ที่เค้าไม่มีวันลืมเพราะเค้าได้ “เห็นดวงตาแดงก่ำเป็นคู่ๆอยู่เต็มใต้น้ำไปหมด ซึ่งกำลังจ้องเขม็งมาที่เค้า  พอมองต่อไปก็เห็นลำตัวสีเขียวยาวลอยอยู่รอบๆบริเวณนั้น ” เค้าได้เห็นอย่างนั้นจึงรีบว่ายหนีขึ้นมาอย่างไม่คิดชีวิต พอขึ้นบกได้ ก็เก็บข้าวของกลับบ้านไปเลย เงินค่าจ้างก็ไม่ยอมรับเลยสักบาท


แต่ทางด้านของ “วิศวกรญี่ปุ่น” ไม่ได้สนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงสั่งให้คนงานเอาปูนเทลงไปที่ตอม่อของเสาต้นนี้เลยเจาะได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น และความประหลาดก็เกิดขึ้น เมื่อเทปูนลงไปนั้นก็ตกใจอีกครั้ง “เมื่อเทปูนลงไปเท่าไหร่ก็เทไม่เต็มสักที ทำให้เสาต้นนี้ใช้ปูนเป็นจำนวนมากกว่าทุกต้น” จนในที่สุดก็เทเต็มจนได้


แต่การสร้างสะพานยังคงดำเนินไปท่ามกลางอุปสรรคและความสับสนของเหตุการณ์ประหลาด จนกระทั่งถึงวัน วิสาขบูชา ปี2548 ยามที่เฝ้าไซต์ก่อสร้างนี้ได้ฝันว่า มีคนใส่ชุดขาวมาบอกว่า “ในวันพรุ่งนี้เป็นวันเข้าพรรษา ให้ยามช่วยไปบอกหัวหน้าด้วยว่าขอให้หยุดงานก่อน 1 วัน เพราะพวกเขาจะอธิษฐานเข้าพรรษากัน”  แต่วิศวกรญี่ปุ่นไม่ยอมหยุดตามที่ขอ เพราะเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ และในวันที่ 22 กรกฎาคม 2548 วันเข้าพรรษานี่เอง “วิศวกรชาวญี่ปุ่น 3 คน” ได้ลงเรือไปดูงานการวางคานของสะพานด้วยตัวเอง ทั้งๆที่ไม่เคยลองนั่งเรือออกไปดูเลยตั้งแต่เริ่มสร้างมา และทันใดนั้นเองขณะคนงานกดสวิทช์ เครนก็ได้ยกแท่นปูนเพื่อนำไปวางบนหัวเสาต้นที่ 11 ต้นที่มีปัญหามากที่สุดแต่ยังไม่ทันวางถึงหัวเสาเลย เหตุการณ์อันเลวร้ายอย่างไม่มีใครคาดฝันก็ได้เกิดขึ้น “เครนได้พังถล่มหักออกเป็น 3 ท่อน คานยกแท่นปูนและ Sling ได้เหวี่ยงฟาดตัดร่างวิศวกรคุมงานชาวญี่ปุ่นวัย 45 ปี ขาดออกเป็น 2 ท่อนตายทันที และเครนที่หักตกลงกลางสายน้ำนั้นได้ตกลงกระแทกทับวิศวกรบนเรือ 3 คน จมดิ่งสาบสูญไปในลำน้ำทันที ”

จากเหตุการณ์ครั้งนี้มีคนจมลงไปในน้ำแล้วหาศพไม่พบรวมทั้งหมด 8 คน เป็นวิศวกรใหญ่ชาวญี่ปุ่น 3 คนที่นั่งเรือออกมาดูงานดังกล่าว เป็นชาวฟิลิปปินส์ 1 คน และคนงานไทยอีก 4 คน นอกนั้นบาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลอีก 7 คน ซึ่งเรื่องนี้ได้กลายเป็นข่าวดังหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับในช่วงวันเข้าพรรษา 22-23 กรกฎาคม พ.ศ.2548  หลังจากนั้นบริษัทผู้รับเหมาทุกบริษัทที่เข้ารับงานสร้างสะพาน พากันหยุดงานเพื่อทำบุญ  ” แต่ไม่นานต่อมาในวันที่ 19 สิงหาคม 2548 เวลาประมาณบ่าย4-5 โมงเย็น ได้มีการบวชกันแบบเงียบๆ โดยคนงาน 8-9 คน พากันบวชแก้บนกัน 7 วัน ”
loading...


นอกจากนั้นยังเรื่องราวชวนขนหัวลุกอีกเรื่อง คือ “มีชาวบ้าน มองเห็นเรือพายธรรมดาๆลำเล็กๆ ลอยอยู่ไม่ห่างจากริมฝั่งเท่าไหร่นัก เป็นเรือร้างที่ไม่มีคนอยู่ เลยคิดอยากได้เอาไว้ใช้งาน จึงได้ชวนญาติพายเรือออกไปเอา แต่เมื่อพายเข้าไปใกล้ๆ เหลืออีกเพียง 10 เมตรจะถึงตัวเรือแล้ว  ทันใดนั้น ทุกคนที่มาในเรือ ต่างตกตะลึงแทบช็อค เพราะอยู่ๆ เรือลำดังกล่าว ได้ขยายใหญ่ สูงขึ้นกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่า จึงได้แต่ตาลีตาเหลือกรีบกลับลำแจวเรือหนีขึ้นฝั่งอย่างไม่คิดชีวิต”


และยังเรื่องเล่ากันว่า “ตรงบริเวณใกล้กับบริเวณที่กำลังสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 นี้ เคยมีคนเห็นตัวอะไรไม่ทราบ ว่ายข้ามลำน้ำ โดยโผล่ส่วนที่พ้นน้ำมีลักษณะคล้ายครีบหลังของปลาว่ายลอยทวนกระแสน้ำ โดยเริ่มต้นว่ายทวนกระแสน้ำจากฝั่งลาวมายังฝั่งไทย ว่ายมายังปากน้ำห้วย หรือบริเวณที่เรียกว่า ห้วยบ้านทราย พอวิ่ง เข้าไปดูใกล้ๆ ปรากฏว่าว่ายหายไป”


จากเหตุการณ์อาถรรพ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มมีการสร้างสะพานแห่งนี้นั้น ” ได้สังเวยชีวิตของคนงานที่นี่ไปทั้งหมด 17 ชีวิตแล้ว”  จึงทำให้คนงานที่เป็นคนไทยอีสานและคนงานลาว พาหยุดงานไม่ยอมสร้างสะพานต่อกันเลยเพราะกลัวตาย  แต่ก็เหลือคนงานชาวต่างชาติและคนที่ไม่เชื่อยังทำการก่อสร้าง ทำให้การก่อสร้างยังพอขับเคลื่อนไปได้ แต่ถึงกระนั้นเสาเข็มต้นที่ 11 นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้  ไม่มีใครไปแตะต้อง หรือทำการสร้างต่อเลย ได้แต่ดำเนินการสร้างส่วนอื่นไปก่อน


หลังจากนั้นข่าวนี้ได้ทำให้ชาวบ้านบางกลุ่ม ได้ไปหาเจ้าหน้าที่อากรจังหวัด ซึ่งท่านก็ได้ไปหาร่างทรง ร่างทรงบอกว่าให้ “ตั้งศาลพญานาค” ใกล้บริเวณที่ก่อสร้าง เพื่อจะได้อัญเชิญพญานาคขึ้นมา แล้วจะได้ทำการสร้างสะพานต่อได้ แล้วร่างทรงยังบอกต่ออีกว่า “พญานาคท่านจะให้พระสุกขึ้นมาด้วย”  พระสุก ที่เป็นพระพุทธรูปประจำตัวของธิดาพญานาคที่เก็บรักษาไว้ใต้บาดาล และเรื่องราวนี้ได้มาประจวบเหมาะกับเหตุการณ์ที่ “ชาวประมงคนหนึ่งในย่านนั้นได้ออกเรือหาปลา แล้วลากที่ดักปลาขึ้นมาเจอพระพุทธรูปทองสำริด”  ขนาดหน้าตัก 35 เซนติเมตร  สูง 70 เซนติเมตร เป็นศิลปะแบบเวียงจันทน์ ซึ่งต่างสันนิฐานว่าคือ “พระสุก” และขณะนี้ก็กำลังทำการพิสูจน์อยู่ว่าจริงหรือไม่?


จากนั้นข่าวการที่จะสร้างศาลพญานาคนี้ได้แพร่สะพัดออกไป ทำให้ก็มีชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างศาลนี้  เพราะไม่รู้ว่าพญานาคจะพอใจหรือไม่ ซึ่งหากพญานาคไม่พอใจพวกเขาอาจจะต้องมีอันเป็นไป จึงคิดต่อต้านการสร้างศาลแห่งนี้ แต่พิธีอัญเชิญเทพาอารักษ์ เทพนาคา เทพนาคี ผู้รักษาแม่น้ำโขง เพื่อรับเครื่องสังเวย ณ บริเวณศาลพญานาค ใต้สะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 มุกดาหาร-สะหวันนะเขต  เกิดขึ้นเมื่อวันที่ วันที่ 9 มิถุนายน 2553  ตามความเชื่อ


จากเรื่องราวความสยองตั้งแต่เริ่มต้นการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว2นี้  กลายเป็นเรื่องเล่าขานกันจนมาถึงปัจจุบัน และจากเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเชื่อว่าเป็น “เพราะสร้างสะพานทับถ้ำของพญานาค ” จึงทำให้เกิดอาถรรพ์อาเพสมากมาย แต่เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หรืออาจจะเป็นเพียงการผิดพลาดทางธรรมชาติรวมไปถึงวิศวกรอาจจะคาดเดา  แต่ก็อยากที่เชื่อได้ว่าหลายเรื่องที่เกิดขึ้นมันเหนือธรรมชาติมากไป ถ้าไม่ใช่ “สิ่งเร้นลับ” ก็ไม่น่าจะทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้

ชมคลิป...
loading...
ที่มา:https://helen.in.th/other/60902

เตือนด่วน! เย็นนี้เจอแน่ สภาพอากาศแปรปรวน พื้นที่ต่อไปนี้ระวังฝนถล่มโดนยาวๆถึง 28 ม.ค.

loading...


กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ”สภาพอากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบนกับฝนตกหนักและคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้(มีผลกระทบจนถึงวันที่ 4 ก.พ. 2561)” ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 25 มกราคม 2561 ระบุว่าในช่วงวันที่ 25-28 มกราคม 2561 ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางแห่ง เนื่องจากลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทย เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลางตอนล่าง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งภาคใต้
loading...
ส่วนในช่วงวันที่ 29 มกราคม – 4 กุมภาพันธ์ 2561 ประเทศไทยตอนบนจะมีสภาพอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนองในระยะแรก หลังจากนั้นจะมีอากาศหนาวเย็นลง อุณหภูมิจะลดลง 6-8 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง โดยเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และเกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

สำหรับภาคใต้จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 31 มกราคม – 4 กุมภาพันธ์ 2561

ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง

ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และติดตามข้อมูลจากเว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

โดยสภาพอากาศกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
loading...
ที่มา:http://khaosudee.blogspot.com/

วันพุธที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2561

ทำงี้ได้ไง? ไปตาม นร. “โดดเรียน”ในป่า เจอพม่ายืนฉี่กระชาก!ข่มขืน ก่อนฆ่าเสียชีวิต

loading...


สะเทือนขวัญวงการข้าราชการครูอีกครั้ง ทำเอาบรรดาข้าราชการครูสาวขวัญผวากันทั้งประเทศเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นกับครูสาวฝ่ายปกครองที่ไปตามนร.โดดเรียนข้างโรงเรียนและถูกฆาตกรรม
จากคนงานก่อสร้าง2คน กระชากเข้าป่ากอดจูบลูบคำและชกต่อยจนสลบและลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ทั้ง2คน แถมยังวนกลับมาฆ่าปิดปากเพื่ออำพรางคดี ทำเอาอธิบดีกระทรวงศึกษาที่การต้องอัดฉีดเงินรางวัลนำจับและผู้แจ้งเบาะแสให้ 50,000 บาทสำหรับผู้ที่แชร์ข่าวนี้ “หากผู้แจ้งเบาะแสเป็นเพื่อนในเฟสคุณ และถ้าคุณแชร์ข่าวนี้ถือว่าได้รับเงินรางวัลนำจับด้วย 50,000 บาท”

นาย มายอง เปตารา อายุ 24 ปี คดีเก่าพยายามฆ่า


นาย อิสรา มาเกาะ อายุ 26 ปี คดีเก่าพยายามฆ่า


เมื่อเช้าวันนี้เวลา 11:30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ พ.ต.อ. จักรทิพย์ แสวงวงศ์สกุล เจ้าหน้าที่ร้อยเวรได้รับแจ้งเหตุจากโรงเรียนพิทักษ์พล เกิดเหตุข้าราชการครูในโรงเรียนถูกฆาตกรรมอยู่บริเวณข้างโรงเรียนจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุทันที

loading...
ที่เกิดเหตุบริเวณพงหญ้าข้างโรงเรียนพบศพนางสาวจินตนา อริพูลชัย ข้าราชการครูฝ่ายปกครองอายุ 28 ปี สภาพศพมีร่องรอยคาบอสุจิอยู่บริเวณช่องคลอด บริเวณลำคอมีรอยเล็บขายถูกบีบจนเขียวช้ำ และบริเวณเต้านมซ้ายถูกกัดจนหัวนมขาดเจ้าหน้าที่คาดผู้ตายถูกคมคืนก่อนถูกฆาตกรรม จึงประสานงานขอตรวจสอบกล้อง วงจรปิดพบมีกล้องหนึ่งตัวที่จับภาพนาทีคนร้ายเป็นชายสองคนทำงานก่อสร้างอยู่บริเวณข้างโรงเรียนกระชากผู้เสียชีวิตเข้าไปในป่าต่อยท้องหนึ่งครั้งและจูบปากถอดเสื้อผ้าก่อนลงมือข่มขืนผู้ตายทั้งสองคนบริเวณโพรงหญ้าถัดไป 50 เมตรจนเสียชีวิต ก่อนหลบหนีไป

จากการสอบสวนผู้อำนวยการโรงเรียนและคณะฝ่ายปกครองเล่าว่าคุณหนิงเป็นข้าราชการครูฝ่ายปกครองที่ออกไปตามนักเรียนที่โดดเรียนในวันนี้ออกไปมั่วสุมกันที่ตึกร้านข้างโรงเรียนอยู่บ่อยครั้งจึงออกไปตามเพียงคนเดียวแต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น จึงวอนขอให้สังคมและชาวโซเชียลมีเดียกระจายข่าวเพื่อให้นำจับผู้ก่อเหตุมาลงโทษตามกฏหมายต่อไป


loading...
ที่มา:http://generalthainews.blogspot.com

วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2561

สาวหน้าตาดี นั่งกองอยู่ที่ปากท่อระบายน้ำ นานสองนานไม่ยอมไปไหน นึกว่าทำของตก ก่อนเข้าไปดูผิดคาดแรง! ปล่อยไว้ไม่ได้ ชาวบ้านแห่มุงเพียบ (ดูภาพ)

loading...


เกิดเป็นเรื่องราวอุทาหรณ์ที่กำลังถูกแชร์ส่งต่อในโลกสังคมออนไลน์อย่างคึกคักอยู่ในขณะนี้ ต่อภาพเหตุการณ์ที่ถูกเผยแพร่ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา จากสมาชิกเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Mr-Nice Yuaisuay ได้มีการเผยภาพของหญิงสาวรายหนึ่งขณะนั่งวิเวกวังเวงอยู่กลางถนน บริเวณปากท่อระบาย


น้ำ พร้อมข้อความระบุว่า "ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นที่บ้านไผ่ เคยเห็นแต่ในทีวี เห็นกับตาแล้วครัฟ" ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น


ซึ่งหญิงสาวรายดังกล่าวได้เกิดอุบัติเหตุก้าวขาพลาด ตกลงไปในตะแกรงเหล็กปากท่อระบายน้ำ แล้วไม่สามารถดึงขาขึ้นมาได้ ด้วยเพราะตะแกรงมีความแคบ ต้องอาศัยให้หน่วยกู้ภัยเข้างัดถ่างช่วยเหลือ ท่ามกลางชาวบ้านที่เข้ามามุงช่วยส่งกำลังใจเป็นจำนวนมาก ซึ่งท้ายที่สุดก็สามารถนำขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย และเมื่อมีภาพอุบัติเหตุถูกเผยแพร่ออกไป หญิงสาวเจ้าของเรื่องก็ได้เข้ามาคอมเม้นท์แสดงความขอบคุณ พร้อมชี้แจงถึงสาเหตุทำตกท่อระบายน้ำ ว่าไม่ได้เกิดจากการมัวเล่นโทรศัพท์  แต่เป็น
loading...


 เพราะความที่ไม่ทันได้ระวังของเธอเอง
ภาพเหตุการณ์


loading...
ที่มา:http://generalthainews.blogspot.com

วันเสาร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2561

ชายหนุ่มคนนี้ พบงูกัดปลา ในทะเล ก่อนซูมเข้าไปใกล้ๆ ตกใจแทบหงายหลังตกทะเล รีบเข้าไปช่วยเหลือด่วน แต่สุดท้าย…(ดูภาพ)

loading...

โดยปกติเรามักพบเห็นภาพของเจ้างูกำลังกินเหยื่อบนบกอยู่บ่อยๆครั้ง คราวนี้ลองมาชมภาพหายากที่เกิดขึ้นในทะเล ระหว่าง “งูทะเล” และ “ปลาหิน” กันบ้าง


ริก ทริปเป หนุ่มชาวออสเตรเลีย เจอเหตุการณ์นี้เกิดเข้าที่บริเวณอ่าวดาร์วิน ขณะที่เจอเขาสังเกตเห็นงูทะเลยาวเกือบ 2 เมตรกำลังต่อสู้กับ “ปลาหิน”

เมื่อดูให้ดีพบว่าเจ้างูทะเลตัวนี้กำลังกัดปลาหิน แต่เหมือนปลาหินตัวนี้ ไม่ยอมแพ้เช่นกัน มันกัดลำตัวของงูทะเลอย่างจัง




หลังจากเฝ้าดูมันต่อสู้กันเป็นเวลานาน ชายคนดังกล่าวจึงจับมันแยกออกจากกัน และนี่คือสภาพหลังจากจับแยก

แต่งานนี้ดูเหมือนจะไม่มีใครรอดทั้ง งู และ ปลา เพราะปลาหินที่กัดเป็นปลาที่มีพิษร้ายแรง สามารถทำอันตรายถึงชีวิตได้ ส่วนงูทะเลที่พบจัดอยู่ในงูที่มีเขี้ยวพิษร้ายแรงกว่างูเห่าถึง 2 เท่า นั้นเอง

ปลาหิน
loading...




งูทะเล
loading...
ที่มา:http://th.thanaza.com/news-sea-snake-bite/

วันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2561

ถึงกับตะลึง !! “เรือขนไวน์” อับปางหายสาบสูญไปนานกว่า” 250 ปี”แต่โผล่ขึ้นมาน้ำครั้ง พร้อมเรื่องสุดมหัศจรรย์ แม้แต่นักวิจัยยังอึ้ง!! (ชมภาพ)

loading...


เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวอีกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์โลกเลย สำหรับเรื่องราวของ “เรือขนสินค้า” ที่มีชื่อว่า “Sally” ซึ่งเป็นเรือที่มีเรื่องราวมากมาย ในยุคนั้น Sally”  จะเดินทางรับส่งสินค้านั้นคือ “ไวน์” จากประเทศโปรตุเกสเพื่อไปส่งยังที่ใดไม่มีใคร แต่กลับมาพบอีกทีเรือลำนี้ได้มาอับปางอยู่บริเวณใกล้ชายฝั่งเขตน้ำตื้นของมณฑลเดวอน ของประเทศอังกฤษ ซึ่งสาเหตุที่ทำเรือจมลงน่าจะมาจากคลื่นลมแรงบวกกับคลื่นทะเลสูง จนสุดท้ายก็อับปางลงไปเมื่อ ค.ศ. 1767  แต่ลูกเรือได้รับการช่วยเหลือและปลอดภัยทุกคน พร้อมกับสินค้าที่ถูกนำขึ้นมาได้ ซึ่งทุกคนต้องเห็นเรือของตัวเองจมหายไปต่อหน้าต่อตา เป็นภาพน่าสะเทือนใจมาก


เรือไวกิ้ง แต่ที่จริงมันคือ “เรือขนสินค้าSally” จนกลุ่มนักวิจัย Historic England ที่อุทิศตัวเพื่อตรวจสอบ โครงเรือไม้เก่า ซึ่งแต่ล่ะชิ้นมีอายุนับร้อยปี จนรู้ความจริงนี้คือซากเรือ “Sally”
   
loading...
แต่ในปัจจุบันซากเรืออยู่มานาน ด้วยสภาพที่จมอยู่ในทราย จึงยากต่อการขนย้ายเพราะอาจจะเกิดผลกระทบทางระบบนิเวศชายฝั่ง จึงทำให้ทางอังกฤษเปลี่ยนให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินมาถ่ายรูปซากเรือได้อย่างชัดเจน


ถึงแม้เวลาจะผ่านมานาแค่ไหน สภาพเรืองยังเหมือนเดิมเกือบทุกอย่าง น้ำทะเลไม่สามารถกัดกล่อนเรือลำนี้ได้เลย เพียงจมอยู่ในทรายเท่านั้น และช่วงที่จะเห็นเรือได้ชัดที่สุดมีเพียง 1 สัปดาห์ในช่วงน้ำลดเท่านั้น !!

loading...
ที่มา:https://newstholakhong.blogspot.com/2017/01/250.html

วันอังคารที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2561

ช่วงที่แย่ที่สุดในชีวิต! สภาพบ้านเกิด “เสก โลโซ” ที่โคราช มีแม่อยู่เพียงคนเดียว เพื่อนบ้านเผยเสกเป็นคนดี ลั่นขอให้ทุกคนให้อภัย

loading...


กำลังกลายเป็นกระแสอย่างมากเลยทีเดียวสำหรับนักร้องหนุ่มร็อกเกอร์ของเมืองไทย"เสก โลโซ" เมื่อถูกชุดตำรวจจับกุมในข้อหา ในข้อหา” มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
,พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชม ” มาที่ห้องสำนักงานผบช.น. เพื่อสอบปากคำเบื้องต้น

โดยล่าสุดวันนี้3 ม.ค. 2560 ทีมงานสยามนิวส์จะพาไปเปิดบ้านภูมิลำเนาบ้านเกิดนายเสกสรร ศุขพิมาย หรือเสก โลโซ โดยอยู่บ้านเลขที่ 61 หมู่ 2 บ้านโคกหนองไผ่ ต.สายออ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดกลางประมาณ 150 หลังคาเรือน ตั้งอยู่ในเขตชนบท ห่างไกลจากตัวเมืองโคราชประมาณ 50 กิโลเมตร

สภาพเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ ไม่หรูหรา ลักษณะเป็นบ้านธรรมดา ไม่แตกต่างจากบ้านของชาวบ้านในแถบชนบททั่วไป แต่ตัวโครงสร้างบ้านใหญ่โต มีรั้วรอบขอบชิด ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ มีบริเวณบ้านกว้างขวาง มีกระต๊อบ (เพิงพักขนาดเล็ก) ปลูกอยู่ข้าง ๆ ตัวบ้าน ที่รั้วหน้าบ้านมีป้ายหน้าบ้านระบุชื่อ “เสกสรร ศุขพิมาย”  ปกติบ้านหลังนี้มีนางปลิว ศุขพิมาย อายุ 70 ปี แม่ของเสก โลโซ พักอาศัยอยู่ตามลำพังคนเดียว ส่วนพ่อเสียชีวิตไปนานแล้ว ตั้งแต่สมัยเสกยังเป็นเด็ก ส่วน ลูก ๆ 5 คน ต่างแยกย้ายไปทำ

loading...
มาหากินและมีครอบครัวของตัวเอง ในจำนวนพี่น้อง 5 คนนี้มี “แสน นากา” นักร้องชื่อดังรวมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นพี่ชายของเสก โลโซ

ทั้งนี้ บ้านของแม่เสก โลโซ ถูกปิดเงียบสนิท ประตูรั้วหน้าบ้านปิดล็อกกุญแจ เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงแจ้งว่า มีลูก ๆ และญาติมารับนางปลิวเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา


ขณะที่เพื่อนบ้านและญาติ ๆ ในหมู่บ้านเดียวกัน วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับคดีของเสก โลโซ ที่ตกเป็นข่าวโด่งดัง ต่างแสดงความเห็นใจและให้กำลังเสก โลโซ ให้ผ่านพ้นช่วงชีวิตที่เลวร้ายในขณะนี้โดยเร็ว
นายสุพัฒน์ ไขขุนทด (เสื้อเหลือง) และนายวีระ ลือขุนทด เพื่อนบ้านและญาติของเสก โลโซ กล่าวว่า ในฐานะคนบ้านเดียวและเป็นแฟนคลับชื่นชอบผลงานเพลงของเสก โลโซ จะไม่ทอดทิ้งกัน เรามีแต่ให้กำลังใจกัน หลังรับทราบข่าวที่ไม่ดีของเสก ก็รู้สึกตกใจ พยายามทำความเข้าใจว่า คนเราอาจมีช่วงจังหวะชีวิตที่เกิดความผิดพลาดไปบ้าง ซึ่งเสกก็ออกมายอมรับผิดและขอโทษไปแล้ว และเมื่อผิดพลาดไปแล้ว อยากให้กำลังใจสู้ ๆ ต่อไป เพราะว่าชื่นชอบผลงานเสก โลโซ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับหมู่บ้านและจังหวัดนครราชสีมา ดังกระฉ่อนไปทั่วประเทศ และเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่พร้อมจะให้โอกาสและให้อภัย
ญาติสนิทคนบ้านเดียวกัน ยังบอกอีกว่า ปกติเสก โลโซ เป็นคนกตัญญู รักและห่วงแม่มาก แม้ไม่ค่อยมีเวลาได้กลับบ้านเกิด แต่เวลามาทัวร์คอนเสิร์ตที่โคราช ก็จะมารับแม่ไปดูทุกครั้ง ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นอาจเป็นปัญหาส่วนตัวที่ทุกคนอาจมีข้อผิดพลาดกันบ้าง
loading...
ที่มา:http://khaosudee.blogspot.com/2018/01/blog-post_95.html?m=1

Recent Post