Latest News

วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2560

คอหวยฮือฮา! ผึ้งฝูงใหญ่บินเกาะรถยนต์ แห่จดทะเบียนไว้เสี่ยงโชค (คลิกดูภาพ)

loading...


เอามาฝากพี่น้องคอหวยเว็บเรากันอีกแล้วสำหรับเหตุการน่าสนใจและน่าจะมีเลขเด็ดให้ลุ้นกัน คราวนี้เป็นเหตุที่ผึ้งหลายพันหลายหมื่นตัวพากันบินไปเกาะที่รถยนต์คันหนึ่ง งานนี้ทำเอาคอหวยไม่พลาดที่จะนำไปตีเป็นเลขเด็ดไว้เสี่ยงโชคกันครับ ไม่แน่ว่าหวยอาจจะออกตรงกับทะเบียนรถคันนี้ก็เป็นได้


เวลามีเหตุกา่รณ์อะไรแปลกๆ มักจะถูกพี่น้องคอหวยของเรานำมาตีเป็นเลขเด็ดกันอยู่เสมอ นับมาตั้งแต่ งูเข้าบ้าน งูเข้ารถ ตัวเงินตัวทอง คลอดลูกบนรถ หรือว่า รอยพญานาคต่างๆ นาๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับรถนี่เน้นกันมากๆ เลยน่ะครับ เพราะบ่อยครั้งที่หวยนั้นออกตรงกับทะเบียนรถที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซะด้วย อย่างล่าสุดก็มีเหตุการ์ผึ้งฝูงใหญ่บินไปเกาะรถยนต์คันหนึ่งไม่ยอมไปไหน คอหวยไม่พลาดเตรียมนำไปเสียงโชคกันอีกแล้ว
หวยผึ้งเกาะรถ-16860

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวถูกโพสต์โดยคุณ Somsak Thanomjai‎ ในกลุ่มหวยเด็ดชื่อดัง @เลขเด็ดๆให้ฟรีๆ@ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมช่วงเช้าที่ผ่านมา พร้อมกับโพสต์บอกว่า “ไปไหนไปด้วย ผึ้งมาเกาะเต็มรถเลย งวดนี้จัดเบาๆเผื่อหมาน(รถญาติ)” ในภาพเป็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีดำ หมายเลขทะเบียน กพ 9068 ที่ด้านหน้ารถมีผึ้งฝูงใหญ่เกาะอยู่เป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ช่วงกระจกหน้ายาวลงมาจนถึงไฟตัดหมอกฝั่งซ้าย มีคอหวยหลายคนเข้าไปคอมเม้นว่าจะต้องมาให้โชคลาภกันอย่างแน่นอน เตรียมเอาเลขทะเบียนรถ 9068 ไปไว้เสี่ยงโชคแทงหวยในงวดวันที่ 16 สิงหาคมที่จะถึงนี้ คอหวยเว็บเราท่านไหนสนใจก็ลองเอาไปลุ้นกันดูได้เลยครับ

แต่ต้องบอกกันว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น โปรดใช้วิจาณญานด้วยน่ะครับ ขอให้ถูกหวยทุกคนเลยน่ะงวดนี้
ขอบคุณภาพเหตุการณ์จาก : ยคุณ Somsak Thanomjai‎ / @เลขเด็ดๆให้ฟรีๆ@
loading...

พระคาถาทรัพย์งอก
คาถาเรียกเงิน

ขึ้นชื่อว่าเงินตรา รู้สึกว่ายุคสมัยนี้จะซื้อได้แทบทุกอย่าง แม้แต่ศีลธรรมจรรยา ถ้าเงินเข้าทางประตู ศีลธรรมก็ถูกเบียดออกทางหน้าต่างจนมีคนให้สมญาแก่เงินว่า “พระเจ้า” แต่คงเป็นพระเจ้าที่โหดร้ายอยู่สักหน่อย เพราะถ้าขาดเงินเสียแล้ว รู้สึกว่าจะหาน้ำใจยากเหลือประมาณ ยิ่งในกรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ ขาดเงินก็เหมือนขาดใจ พึ่งพาใครไม่ได้เลย…

ยิ่งมาสมัยของแผ่นเงินพลาสติค อยากซื้ออะไรก็รูดบัตรเอง ความแล้งน้ำใจก็ยิ่งมากเป็นเงาตามตัว อาตมาเคยฝันเฟื่องว่า ถ้าสามารถเสกเงินได้เมื่อไร จะแจกจ่ายแก่คนทั่วไปให้สนุกไปเลย อย่าเพิ่งหัวเราะเยาะนา…คนเสกเงินได้มีจริง ๆ นะ…

ท่านคือขรัวอีโต้ ฆราวาสผู้ทรงอภิญญา เป็นสหายทางธรรมของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ท่านขรัวอีโต้มีวิชาดักเงินด้วยลอบ ตกเย็นท่านจะเอาลอบดักปลาใบเล็ก ๆ ไปแขวนไว้บนต้นไม้ ตอนเช้ามืดก็ขึ้นไปเอาลงมา มีธนบัตรใบละ ๑๐ บาท ใหม่เอี่ยมติดมาด้วย สมัยนั้นก๋วยเตี๋ยว ๒ ชาม ๕ สตางค์ ได้วันละ ๑๐ บาทก็รวยอื้อแล้ว…

ส่วนท่านที่เสกเงินได้คือ หลวงพ่อเอง ท่านไปพบคาถาเสกข้าวตอกเป็นเงินที่หลวงปู่ปานทิ้งไว้ให้ทดลอง เลยไปขโมยข้าวตอกที่หลวงปู่เก็บไว้สำหรับทำข้าวตอกน้ำกะทิมาเสกเป็นเงิน พอทำคล่องตัว แค่กำข้าวตอกหว่านไป กลายเป็นเหรียญเงินร่วงกราว เด็ก ๆ วิ่งเก็บกันเป็นที่สนุกสนาน…

หลวงพ่อน้อมกับหลวงพ่อสวัสดิ์เอาอย่างบ้าง แต่หลวงพ่อทั้งสองเป็นพระอภิญญา พอโรยข้าวตอกไป มันกลายเป็นเหรียญทองคำซะนี่…สนุกได้พักเดียว หลวงปู่ปานโผล่มาทางไหนไม่รู้ โดนตะพดเคาะกบาลไปตาม ๆ กัน แถมต้องหาข้าวเปลือกมาคนละกระบุง คั่วเป็นข้าวตอกเอาไปคืนอย่างเดิม ไม่อย่างนั้นโดนตะพดอีกแน่ ๆ …

แต่การเสกแบบนี้ เอาเงินไปใช้ไม่ได้ เพราะเมื่อถึงเวลากำหนดเงินจะกลายเป็นข้าวตอกอย่างเดิม คนที่รับเป็นคนสุดท้ายก็ซวยไป…แต่มีคาถาบทหนึ่งเวลาทำขึ้นแล้ว ข้าวของเงินทองต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้นอย่างน่าพิศวง คล้ายกับเรียกเงินมาได้ และเงินที่ได้มาใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายซะด้วย คาถาบทนี้ชื่อ “คาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์”เรียกกันง่าย ๆ ว่า “คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า”

พระปัจเจกพุทธเจ้าก็คือพระพุทธเจ้านั่นเอง แต่ละองค์สร้างบารมีมาเพื่อตรัสรู้เองเท่านั้น ไม่ต้องการรับภาระ ขนถ่ายสัตว์โลกข้ามวัฏสงสาร หากผู้ใดปรารถนาจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ไปหาพระองค์เพื่อศึกษาวิธีการ พระองค์ก็จะสอนให้ แต่สำหรับคนทั่วไปแล้ว พระองค์จะสอนเฉพาะ การปฏิบัติความดีเบื้องต้น ไม่สอนถึงมรรคผลนิพพาน

ระยะเวลาที่ปรากฏมีพระปัจเจกพุทธเจ้า คือระยะที่ว่างลงของพระศาสนา ระหว่างที่สิ้นพระศาสนา ก่อนจะปรากฏพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ขึ้น ช่วงเวลา “หนึ่งพุทธันดร”นั้น จะมีพระปัจเจกพุทธเจ้าเกิดขึ้นทีละมาก ๆ …

พระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นเถระมหาลาภ เพราะชอบเข้านิโรธสมาบัติแล้วเสด็จไปโปรดผู้ที่วาระของบุญแสดงผล ทำให้บุคคลนั้นร่ำรวยขึ้นมาอย่างฉับพลัน…

หลวงพ่อเล่าว่า หลวงปู่ปานเรียนคาถาบทนี้มาจาก “ครูผึ้ง”ชาวนครศรีธรรมราช คราวที่หลวงปู่ธุดงค์ไปทางใต้ ครูผึ้งนั้นชาวบ้านเรียกท่านว่า “ผึ้งบุญ” หมายถึง ผึ้งผู้ใจบุญ หรือผึ้งผู้มีบุญ ใครไปขอให้ท่านช่วยทำบุญ ท่านจะช่วยเขารายละ ๑๐๐ บาท สมัยนั้น เงิน ๕ สตางค์ ซื้อก๋วยเตี๋ยวได้ ๒ ชาม คนได้เงิน ๑๐๐ บาท คงนอนไม่หลับไปหลายคืน…

หลวงปู่ปานกลับจากปักษ์ใต้ มาพักที่วัดสระเกศ หลังจากฉันแล้ว ท่านก็พูดถึงคาถาบทนี้ แต่ไม่มีใครสนใจ ยกเว้นนาย ประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ ชาวท่าเตียน จังหวัดพระนครเพียงผู้เดียว หลวงปู่ปานจึงมอบคาถาให้ไป และกล่าวว่า หากนายประยงค์ทำคาถานี้ไม่มีผล ท่านจะไม่ถ่ายทอดให้ใครอีก คาถาว่าดังนี้…

พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ
วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี
วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ
พุทธัสสะ สวาโหม
นายประยงค์ ตั้งตรงจิตร ตั้งใจนำไปปฏิบัติ ตอนเช้าจุดธูปไหว้พระภาวนาคาถานี้จนใจตั้งมั่น จึงเปิดร้านทำการค้าขาย จะหยิบยามาบรรจุดห่อจำหน่าย ก็ว่าคาถา ๙ จบ จะเอายาออกขาย จะเอายาเก็บ ก็ว่าคาถา ๙ จบ จะเอาเงินออกใช้ จะเอาเงินเก็บ ก็ว่าคาถา ๙ จบ ชั่วเวลาไม่นานก็ปรากฏผล ทั้งยาและเงินที่นับดีแล้ว เวลานับใหม่ จะเกินมามาก ๆ ทุกที ค้าขายจนร่ำรวยมหาศาล ปวารณากับหลวงปู่ว่า ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม หากขาดปัจจัยเท่าไร ขอถวายทั้งหมด…

มารดาของนายประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ็บป่วยไปไหนไม่ได้ นอนภาวนาคาถานี้อยู่ทุกวัน วันหนึ่ง ท่านเห็นมีแสงสีทองสว่างจ้า พุ่งหายเข้าไปในตู้เก็บเงิน จึงเรียกลูกชายมาเปิดดู เห็นภายในตู้ซึ่งแต่เดิมทิ้งว่างไว้ มีธนบัตรใบละร้อยเป็นมัด ๆ อัดอยู่แน่นทั้งตู้เลย…

อีกรายคือ นายแจ่ม เปาเล้ง ชาวดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี มีอาชีพทำไร่ ได้คาถานี้ไปก็บอกกับลูกหลานว่า “หลวงพ่อปาน บอกว่า ภาวนาคาถานี้แล้วรวย ข้าจะภาวนาทุกวัน พวกเอ็งมีหน้าที่ส่ง ข้าวส่งน้ำเท่านั้น ห้ามรบกวนเรื่องอื่นเป็นอันขาด…” ลูกหลานก็แสนดี ปล่อยแกภาวนาอย่างเป็นล่ำเป็นสันไปคนเดียว…

เมื่อถึงหน้าเก็บเกี่ยว ไร่พริกของนายแจ่ม ที่ดูต้นแคระแกร็น ใบหงิกใบง่อย กลับเก็บได้มากกว่าคนอื่นเขา ทั้งน้ำหนักมาก ขายได้ราคาดี เป็นที่ต้องการของตลาดมาก และที่สำคัญคือ ของคนอื่นเก็บ ๒-๓ ครั้งก็หมด ของนายแจ่มเก็บตั้ง ๕-๖ ครั้ง ยังไม่อยากจะหมด ปีนั้นได้กำไรใช้หนี้หมด แล้วยังเหลือเงินปลูกเรือนหลังใหญ่สบายไปเลย…

อาตมาได้คาถาไปจากหลวงพ่อ ก็ตั้งใจภาวนาเป็นกรรมฐาน คือปกติใช้ “พุทโธ” หรือ “นะมะพะธะ” ก็ภาวนาคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าแทน อาตมาทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของตนอย่างละเอียดทุกเดือน อยู่มาวันหนึ่ง…
อาตมาพกเงินไปซื้อของสามร้อยกว่าบาท เหตุที่ต้องเอาไปแค่พอซื้อของ เพราะว่าอาตมาเป็นคนใจง่าย ถ้าพกไปเยอะ ๆ มีเท่าไรก็หมด… เมื่อซื้อของไปประมาณสามร้อยแล้ว อาตมาก็กลับบ้านมาทำบัญชี…

พอเอาเงินที่เหลือออกมานับ มันยังคงเหลืออยู่สามร้อยกว่าบาท… ตั้งแต่นั้นมาก็เป็นแบบนี้บ่อย ๆ เสียอย่างเดียวว่า เรียกเงินมาตอนไหนก็ไม่รู้ ถ้ารู้คงได้ใช้กันลื่นไปเลย แต่ถ้าไปบอกคนอื่นเมื่อไรจะหยุดไปนานกว่าเงินจะมาอีก คือถ้าทำได้ก็มิบังควรไปอวดใคร หาไม่จะถูกตัดการช่วยเหลือ เช่นเดียวกับอาตมาฉะนี้แล…
loading...
ที่มา:http://www.highlight-thailand.com/%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%AE%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AE%E0%B8%B2-%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%9D%E0%B8%B9%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B8%9A/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Recent Post